เตือนภัยไล่ขโมยแบบง่าย ๆ

ทำสัญญาณเตือนภัย ไล่ขโมย แบบง่าย ๆ ไว้ใช้เอง

เตือนภัยไล่ขโมยแบบง่าย ๆ




พักนี้เศรษฐกิจไม่ดี ขโมยขโจรก็เลยชุกชุมตามไปด้วย ไอ้ที่เคยคิดว่าเป็นภัยไกลตัวก็เลยต้องมาคิดใหม่ทำใหม่ เพราะมันชักกระชั้นใกล้ตัวเข้ามาทุกที วันเลวคืนร้ายคุณขโมยเธอย่องดอดเข้ามาในบ้าน ช่วยสงเคราะห์ขนข้าวของเครื่องใช้ไปช่วยใช้ ไอ้ที่จนกรอบอยู่แล้วคงจะยิ่งกรอบเข้าไปอีก

ไอ้ที่กลัวน่ะ ไม่ใช่เรื่องทรัพย์สมบัติสักเท่าไร เพราะข้าวของในบ้านจะหาไอ้ที่มีค่าจริง ๆ ก็หาได้ไม่กี่ชิ้น แต่ที่ห่วงที่กลัวที่สุดน่าจะเป็นสวัสดิภาพในชิวิตและร่างกายของตัวเองเสียละมากกว่า ถ้าตัดช่องย่องเบามาตอนเราไม่อยู่บ้าน ก็คิดเสียว่าสมบัติผลัดกันชม แต่เกรงว่าหากคุณโจรเหิมเกริมมาเยี่ยมตอนเราเองก็อยู่บ้าน เกิดเหตุกาณ์จ๊ะเอ๋กันจัง ๆ ระหว่างเจ้าของบ้านวัยตกกระ กับโจรกระจอกตาถั่วที่ดันเลือกเอาบ้านนี้เป็นเป้าหมายละก็ มันอาจจะหมั่นไส้ที่อุตส่าห์ลงทุนเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางบุกเข้ามาในบ้าน แล้วหาทรัพย์สินที่พอจะมีค่าขโมยไม่ได้ แล้วพาลอารมณ์เสีย เอามีดจิ้มจึกเข้าที่พุงกะทิ หรือเอาไม้หน้าสามหวดเข้าที่ทัดดอกไม้สักโป๊กเป็นการแก้เผ็ดเจ้าของบ้าน ถ้าโชคดีตายไปเลยก็คงไม่กระไร กลัวจะเจอประเภทแทงหรือตีแบบไม่ถึงไม่ตาย กลายเป็นอัมพาต เป็นภาระให้กับลูกหลาน หรือคนใกล้เคียงมันจะลำบากหนักกว่าเดิม

คิดได้ดังนั้น ก็เลยลองหาหนทางป้องกัน หรือแก้ไขเท่าที่ภูมิปัญญาเท่าหางอึ่งพอจะมี

สิ่งแรกสุดที่นึกถึงคือ ระบบสัญญาณกันขโมย ทั้งแบบมีสายและไร้สาย เห็นโฆษณาขายกันทางอินเตอร์เน็ตหลายร้อยเจ้า หลายร้อยยี่ห้อ หลายพันรูปแบบ คลิก ๆ เข้าไปดูก็ต้องร้องไอ๊หยา ทำไมมันแพงชะมัดยาด แล้วบางชิ้นบางแบบก็ดูเหมือนจะบอบบางเหมือนของเด็กเล่นไม่น่าจะใช้งานได้จริง ไอ้ที่ดูดีขึ้นมานิด ก็แพงจนแตะไม่ลง ขืนซื้อมาติดตั้งในบ้าน ขโมยอาจย่องเข้ามาขโมยไอ้เจ้าเครื่องกันขโมยไปขาย มันจะพลอยทำให้บริษัทเขาเสื่อมเสียกันไปใหญ่

อย่ากระนั้นเลย หาทางง่าย ๆ ทำใช้เองมันเสียเลย สมองก็พอมี (ขี้เลื่อย) มือก็มีไม่กุดไม่ด้วนไม่แปแม้อาจจะบอนบ้างเป็นบางขณะ

ตั้งโจทย์ถามตัวเองว่า จะทำระบบอะไรกันแน่ ระหว่าง 1. ระบบป้องกันขโมย หรือ 2. ระบบไล่ขโมย และเตือนภัยเมื่อมีเหตุร้ายอื่น ๆ 

ถ้าจะป้องกัน คงต้องทำหลายจุดหลายซับหลายซ้อน เท่าที่มีอยู่ตอนนี้ก็อาศัยกุญแจ สายยู เหล็กดัดเป็นหลัก ทำมากไปมันจะพลอยวุ่นวาย เพราะเคยเห็นบ้านของเพื่อนบางคน กว่าจะออกจากบ้าน หรือจะเข้านอนได้ มันต้องเดินไปเปิดสวิทช์โน่น ตั้งสวิทช์นี่จนน่าเวียนหัว แล้วมาคำนึงถึงบ้านน้อยหลังนี้อย่างตรงไปตรงมา ก็พบความจริงว่า ไม่สู้จะมีสมบัติให้ใครเขาอยากขโมยสักเท่าใด ถ้ามันเข้ามาขนไปได้จริง ก็คิดว่าแบ่งกันใช้ จุดประสงค์ในข้อนี้จึงเป็นอันตกไป ฝากชะตากรรมไว้กับกุญแจและสายยูเหล็กดัดมันแค่นี้แหละ

ไตร่ตรองโดยรอบคอบแล้วจึงพบว่า ระบบไล่ขโมยและเตือนภัยดูเหมือนจะถูกต้องตรงตามความต้องการของตัวเองมากที่สุด เพราะที่กลัวจริง ๆ คือ ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกแล้วเกิดจ๊ะเอ๋กับคุณขโมย เกิดขวัญอ่อน เผลอตัวตกใจร้องแร่แห่กระเฌอขึ้นมา มันจะทำมิดีมิร้ายอย่างที่เกริ่นมาตอนต้นนั่นแหละ

เมื่อได้ข้อสรุปดังนี้ จึงเข้าไปห้องเก็บของ รื้อ ๆ ค้น ๆ ดูสิว่ามีอะไรพอจะหยิบฉวยมาใช้ในการนี้ได้บ้าง

ก็ได้มาหลายรายการดังนี้ครับ

1. เบรกเกอร์ขนาด 15 A. อันนี้เป็นของเก่าถอดเก็บไว้นานแล้ว แต่ยังใช้ได้ดี ที่เลือกเอาตัวนี้มาเพราะตรงปลายเบรกเกอร์เจาะเป็นรูไว้แล้ว เหมาะสมกับแผนที่วาดไว้ในสมอง บ้านใครไม่มี จะซื้อใหม่ราคาไม่น่าจะเกินตัวละ 60 บาท หาซื้อแบบแอมป์ต่ำ ๆ กว่านี้ก็ได้ครับ ใช้จริง ๆ ไม่น่าจะถึง 5 แอมป์ 

2. เศษสายไฟเก่า ๆ แต่สภาพยังดีอยู่ ความยาวแล้วแต่สถานที่

3. ห่วงโลหะขนาดร้อยเข้ากับรูที่เบรกเกอร์ได้ สัก 1 หรือ 2 อัน

4. สายผ้าม่านเก่า ๆ หรือถ้าไม่มีจะใช้เชือกไนล่อน หรือเชือกอะไรก็ได้ที่เหนียว ๆ ทน ๆ สักหน่อย เอามาสัก 2-3 เมตรก็พอแล้ว

5. ไซเรนขนาดเสียงดังสัก 120 เดซิเบลล์ แบบใช้ไฟกระแสสลับ หรือ AC สักตัวหรือสองตัว แล้วแต่ว่าอยากจะให้ดังมากดังน้อยแค่ไหน อันนี้คงต้องไปซื้อหาเอาตามร้านค้าเครื่องไฟฟ้า ตกตัวละร้อยกว่าถึงสองร้อยกว่าบาท

เอาละ ได้อุปกรณ์มาครบถ้วน ก็ลงมือได้เลยครับ ก่อนอื่นต้องปีนขึ้นไปบนช่องเซอร์วิสบนฝ้าเพดานของบ้านเสียก่อน ถ้าเป็นฝ้าแบบทีบาร์ก็ง่ายหน่อย ไม่ต้องปีน ใช้เปิดฝ้าทีละแผ่นทำได้ แต่ถ้าเป็นฝ้าฉาบเรียบต้องปีนกันหน่อย 

ก่อนปีนก็อย่าลืมสับคัตเอ้าท์ตัดไฟออกจากระบบเสียก่อน เลือกสายไฟเส้นที่เลี้ยงปลั๊กไฟเข้าสักสายหนึ่งที่คิดว่าตัดต่อได้ง่ายที่สุด แล้วปีนขึ้นไปตัด หรือใช้วิธีปอกสายแล้วเชื่อมเอาระหว่างกลางสายเลยก็ได้ เอาสายไฟของเราไปเชื่อมทั้งสองเส้น แล้วพันด้วยเทปให้ดี อย่าให้เกิดการช็อตกัน

ต่อจากนั้น โยงสายไฟเส้นที่เดินใหม่มาเหนือฝ้าเพดาน บริเวณที่เราจะติดตั้งสวิทช์ฉุกเฉิน เอาเบรกเกอร์ที่เตรียมไว้ติดเข้ากับผนังเหนือฝ้าเพดาน โดยติดให้ตำแหน่ง ON ของเบรกเกอร์หันลงด้านล่าง กะให้ตรงกับรูที่เราจะเจาะฝ้าลงมา การยึดกับผนังอาจต้องเจาะผนังแล้วฝังพุกยึดด้วยตะปูควงให้แน่นหนา อย่าให้หละหลวม เวลากระชากแรง ๆ จะได้ไม่หลุดคามือลงมา

ต่อไปก็เอาห่วงโลหะร้อยเข้ากับรูที่สวิทช์เบรกเกอร์ ดูให้แข็งแรง แล้วเอาเชือกผ้าม่านหรือเชือกอื่นที่เตรียมไว้มัดกับห่วง เจาะรูเล็ก ๆ ที่แผ่นฝ้าใต้เบรกเกอร์ขนาดพอให้เชือกเส้นนั้นสอดผ่านได้ แล้วโยงเชือกให้ปลายโผล่ออกมา กะความยาวให้พอดี ไม่ยาวและไม่สั้นเกินไป อาจเอาห่วงโลหะอีกอันมัดที่ปลายเชือกอีกข้างหนึ่งเพื่อความสะดวกตอนดึงด้วยก็ได้

ขั้นตอนสุดท้ายแล้วครับ ต่อสายไฟออกจากเบรกเกอร์ โยงไปตามใต้ฝ้าเพดาน จะยาวแค่ไหนก็แล้วแต่บ้านใครบ้านมัน แต่ดีที่สุดคือเอาไปบริเวณหน้าบ้าน หรือบริเวณที่เสียงจากไซเรนจะดังกังวาลหนวกหูชาวบ้านข้างเคียงได้มากที่สุด แล้วต่อสายไฟเข้ากับไซเรนให้ครบวงจร ถ้ามีไซเรนหลายตัวก็ต่อแบบขนานกัน จะใช้สักสิบตัวก็ไม่มีใครว่า แต่ของผมนี่ ขอแค่สองตัวก็คิดว่าหนวกหูชาวบ้านพอแล้ว

วงจรและวิธีการทั้งหลายก็ดูเอาตามรูปแล้วกัน ไม่ซับซ้อนเลย

เวลาใช้งาน เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน มีผู้ร้ายบุกเข้าบ้าน หรือตื่นขึ้นมาจ๊ะเอ๋กับโจร หรือแม้แต่มีใครเกิดหน้ามืดเป็นลม เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในบ้าน ก็แค่ดึงสายสัญญาณเตือนภัยที่เราทำซ่อนไว้แค่นั้น เสียงไซเรนก็จะดังไปสามบ้านแปดบ้าน แค่นี้ก็เชื่อว่าขโมยขโจรทั้งหลายน่าจะเผ่นหนีไปแล้ว แถมเวลาดึงเสร็จ เสียงไซเรนจะดังตลอดเวลา เจ้าวายร้ายหากคิดจะปิดเสียงนี้ต้องปีนขึ้นไปบนฝ้า หรือไม่ก็ต้องสับเมนเบรกเกอร์ของบ้าน ซึ่งคิดว่าคงไม่มีขโมยสักกี่คนที่มีสติดีขนาดนั้น

แค่นี้บางคนอาจจะยังกังวลว่า บางที เจ้าหัวขโมยมันอาจจะแอบตัดสายไฟที่ต่อเข้าบ้านก่อนที่จะลงมือทำการโจรกรรม ก็เลยคิดเล่น ๆ ว่า ถ้ากลัวตรงนี้มาก ก็อาจเสริมด้วยอุปกรณ์ที่ซื้อหาได้ง่าย ๆ นั่นคือ เครื่องสำรองไฟ ที่เราเรียกว่า UPS นั่นแหละ โดยต้องยกเจ้า UPS ไปซ่อนไว้อย่างมิดชิดบนฝ้าเสียเลยก็ดี แล้วต่อวงจรเพิ่มดังรูปครับ

การใช้ UPS จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า แม้ขโมยจะตัดสายไฟในบ้านก่อนลงมือปฏิบัติการ แต่ระบบเตือนภัยของเราก็ยังทำงานได้ เพียงแต่ต้องคอยตรวจสอบ และบำรุงรักษา UPS ตามกำหนดเวลาของแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ

ข้อสังเกตในการติดตั้งระบบนี้คือ 

1. ควรเลือกตำแหน่งที่ติดตั้งเบรกเกอร์และสายดึงในบริเวณที่เข้าถึงได้ง่ายเมื่อเกิดเหตุร้าย และควรบอกกล่าวสมาชิกทุกคนในบ้านให้รับรู้ถึงการทำงานของระบบนี้โดยละเอียด

2. เมื่อดึงสายสัญญาณแล้วทางที่ดีควรหาที่หลบหรือปิดประตูล็อคตัวเองไว้ข้างในจนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือคนข้างบ้านจะมาถึง 

3. ควรบอกกล่าวเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ว่า หากได้ยินเสียงไซเรนดังมาจากบ้านนี้ ช่วยโทรแจ้งตำรวจให้ด้วย เพราะในบางกรณีตัวเราเองที่อยู่ในบ้าน อาจไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้

4. จะเห็นได้ว่าระบบไฟที่ต่อจากเบรกเกอร์เมื่อมีการดึงสายฉุกเฉินแล้ว ไฟฟ้าจะครบวงจรพอดี จึงอาจต่อพ่วงอุปกรณ์อื่น ๆ เข้าไปร่วมด้วย เช่น อาจต่อเครื่องขยายเสียงที่พ่วงไว้กับเครื่องบันทึกเสียง เปิดออกลำโพง มีข้อความแจ้งว่ามีเหตุร้ายที่บ้านหลังนี้ ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่หรือเพื่อนบ้าน หรือติดตั้งไฟกระพริบสีแดงเข้าไปร่วมด้วยก็จะทำให้ผู้ร้ายหวาดกลัวและเผ่นหนีไปโดยเร็ว

สัญญาณเตือนภัยไล่ขโมยของกระผมก็ทำขึ้นง่าย ๆ แบบนี้แหละครับ คิดว่าน่าจะตอบโจทย์พื้นฐานที่ตั้งไว้แต่แรกได้ระดับหนึ่ง ที่สำคัญคือ ราคาประหยัด รวมทั้งระบบแล้วราคาไม่น่าจะเกิน 700 บาท อาศัยเวลาว่าง ๆ ติดตั้งเองก็ได้ ไม่ต้องไปจ้างช่างให้เปลืองเงินเปลืองทอง เผลอ ๆ ไอ้พวกช่างที่มาติดตั้ง หากไปเจอพวกสิบแปดมงกุฏเป็นโจรเสียเอง มันจะยิ่งไปกันใหญ่ครับ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น